คู่บุญคืออะไร
คือ คู่ที่นำพากันเจริญ พากันทำสิ่งที่ดีงาม พากันชำระกิเลส
พากันศึกษาธรรม เจริญในศีลขึ้นไปเรื่อยๆ ดูแลเกื้อกูลกัน
เป็นกัลยาณมิตรที่คอยตักเตือน สร้างเหตุแห่งการพ้นทุกข์ไปด้วยกัน
การเป็นคู่บุญนั้นจะไม่พากันไปในทางเสื่อม ไม่พากันไปสะสมกิเลส
ถ้าเป็นคู่ชายหญิง ก็จะไม่คบหากันเหมือนคู่รัก
แต่จะมีสถานะเป็นเพียงเพื่อนเท่านั้น ไม่มีอะไรเกินเลย
เพราะการเป็นมากกว่าเพื่อนนั้นเป็นทางที่เสื่อมจากธรรม เป็นทางของกิเลส
เป็นเรื่องของความหลุ่มหลง
ผู้ที่จะพากันไปเจริญย่อมไม่ยินดีที่จะผูกมัดกันด้วยเรื่องการแต่งงาน
คู่รักสู่คู่บุญ ส่งเสริมกัน
เมื่อมีความรักก็อยากได้อยากเสพ จึงหาคนมาครองคู่
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางคนที่มีความพยายามที่จะเจริญในธรรม
ดังนั้นจึงต้องขัดเกลากิเลสของตนและคู่เพื่อให้พัฒนาสู่ภพที่เอื้อให้เกิดความเจริญสูงสุด
การขัดเกลากิเลสนั้นมีตั้งแต่การไม่พากันไปสู่ทางชั่ว
ไม่บำรุงบำเรอกิเลสให้กันและกัน และในส่วนที่ยากที่สุดคือไม่สมสู่กัน
เป็นเรื่องยากที่จะบอกให้คนรักไม่สมสู่กันตั้งแต่วันแรกที่คบหากันไปจนตาย
เพราะถ้าไม่ต้องการสมสู่กันแล้ว น้ำหนักในการมีคู่ครองก็แทบจะเบาลงไปในทันที
ดังนั้นปราการแรกสู่ความเจริญคือให้เว้นขาดจากการสมสู่กับคู่ของตนตั้งแต่เริ่มรู้จักกัน
เมื่อเป็นคู่กันแล้ว แต่งงานกันแล้ว
แม้จะไม่สมสู่กันก็ยังไม่เรียกได้ว่าหลุดพ้นหรือสามารถเจริญในธรรมได้ดีนัก
เขาทั้งคู่ต้องสลัดความหลงในรูปของกันและกัน ผู้ชายก็ไม่หลงในความเป็นหญิง
ผู้หญิงก็ไม่หลงมัวเมาในรูปกายของตัวเองและไม่หลงยึดว่าต้องมีชายมาบำเรอตน
ปฏิบัติไปเรื่อยๆหลายภพหลายชาติ
ผู้หญิงที่สามารถทำลายภาวะของความเป็นหญิงในตนลงได้ ตัดเหตุแห่งความเป็นหญิงได้
ก็จะเปลี่ยนมาเกิดเป็นเพศชายได้ สุดท้ายก็จะกลายเป็นเพศชายด้วยกันทั้งคู่
แต่สิ่งนั้นก็ยังไม่แน่ หากยังตัดความอยากในการสมสู่หรือความรักใคร่ออกไม่หมด
ในชาติใดชาติหนึ่งก็อาจจะกลายเป็นชายรักชายก็ได้ ไปๆมาๆ
กิเลสเพิ่มก็เวียนกลับสลับกันไปเป็นชายหญิงกันใหม่
ดังนั้น ถ้าถามว่าคู่รักเช่นนี้ทำบุญได้ไหม ก็ตอบว่าได้
แต่ไม่สามารถทำได้ดีและเจริญได้เร็วเท่ากับคู่บุญที่เป็นเพื่อนกัน
ถ้าเทียบกันแล้วก็เหมือนกับม้าที่วิ่งแข่งกับเต่า
ดังนั้นหากจะเรียกคู่รักว่าคู่บุญนั้นก็คงจะไม่เข้าในความหมายของคู่บุญที่ยกไว้ในตอนต้น
จึงสรุปว่าการยังอยู่ในภพของคู่รักนั้น จึงไม่เรียกว่าคู่บุญ เพราะยังมีเหตุในการทำบาปและความเสื่อมแห่งมิตรภาพอยู่ในความเป็นคู่รักนั้น
คู่บาป
คู่ที่พากันใช้ชีวิตไปตามสังคมและโลก ทำทานบ้าง เข้าวัดบ้าง
สนองกิเลสกันบ้าง สมสู่กันบ้าง เรียกง่ายๆว่าใช้ชีวิตไปตามวิถีของคนทั่วไปนั่นเอง
เขาเหล่านั้นก็จะเกิดมาเป็นตัวเวรตัวกรรมของกันและกัน คอยฉุดกันลงนรก
หากคนใดคนหนึ่งทำกุศลมากพอจนจะได้ฟังธรรมที่พาพ้นทุกข์ อีกคนหนึ่งก็จะฉุดไปลงนรก
ไม่ยอมให้อีกคนได้โผล่พ้นขึ้นมาจากใต้กองกิเลส
เพราะกลัวว่าถ้าหากคู่ของตนทิ้งตนไปสนใจธรรมแล้วตนเองจะไม่เหลือใครให้เสพ
แล้วก็ผลัดกันสกัดกั้นกันและกันอย่างนี้ไปอีกหลายภพหลายชาติ เป็นภาระของกันและกัน
เป็นตัวถ่วงความเจริญของกันและกัน เป็นบาปของกันและกัน
ข้อสังเกตง่ายๆคือคู่บาป จะพาให้เราลดศีลของเราหรือลดความเจริญในธรรม
คือธรรมที่มีอยู่แล้วก็เสื่อมลง เช่น เราเป็นคนที่กินมังสวิรัติอยู่แล้ว
แต่พอไปมีคนรัก เขาไม่ยินดีที่จะถือศีลตามเรา
ถึงแม้จะพยายามทำตามก็ทำได้ยากได้ลำบากจนเขารู้สึกกดดัน เราจึงรู้สึกเห็นใจเขาและเวียนกลับไปกินเนื้อสัตว์เป็นเพื่อนเขา
หรือผู้หญิงที่ตั้งใจจะไม่สมสู่จนกว่าจะแต่งงาน
แต่เมื่อเจอกับคู่บาปที่มีถ้อยคำสนองกิเลส
คำหวานที่ล่อลวงให้ยอมพรากพรหมจรรย์ไปให้เขาก่อนถึงวันที่คิดว่าสมควร
ลักษณะเหล่านี้คือคู่ที่พาให้ตกต่ำลง ให้เสื่อมจากศีลธรรมที่เป็นมาตรฐานที่เคยตั้งไว้
ขอบคุณ UFABET
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น